ใบความรู้ที่ ๑
เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural resources) หมายถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่ตามธรรมชาติหรือสิ่งที่ขึ้นเอง อำนวยประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติด้วยกันเอง (ทวี ทองสว่าง และทัศนีย์ ทองสว่าง,2523:4) ถ้าสิ่งนั้นยังไม่ให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ก็ไม่ถือว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติ (เกษม จันทร์แก้ว,2525:4)
ความหมายของทรัพยากรธรรมชาติมักจะมองในแง่ที่ว่าเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
หากไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรเลยก็คงไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติดังนั้นจึงมีการจัดประเภททรัพยากรธรรมชาติไว้หลายประเภทด้วยกัน
เช่น ดิน น้ำ ป่าไม้สัตว์ป่า แร่ธาตุ ฯลฯ
ซึ่งเป็นทรัพยากรที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญดังนั้น
เราควรใช้และช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างฉลาด และประหยัด
ความหมายคำศัพท์
คำศัพท์
|
ความหมาย
|
ฤดู
|
[รึ] น.
ส่วนของปีซึ่งแบ่งโดยถือเอาภูมิอากาศเป็นหลัก มักแบ่งออกเป็น๓ ช่วง คือฤดูฝนฤดูหนาว
และฤดูร้อน หรือเป็น ๔ ช่วง คือ ฤดูใบไม้ผลิฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
ที่แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ฤดูแล้งกับฤดูฝนก็มีเวลาที่กําหนดสําหรับงานต่าง ๆ เช่น
ฤดูเก็บเกี่ยว ฤดูทอดกฐิน ฤดูถือบวชเวลาที่เหมาะ เช่น ฤดูสัตว์ผสมพันธุ์,คราว
สมัย เช่น ฤดูนํ้าหลาก.(ส. ฤตุป. อุตุ). |
ดิน
|
วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพและทางเคมีของหินและแร่
รวมกับสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลกซึ่งดินจะมีลักษณะและคุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ
ตามสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศ วัตถุต้นกำเนิด
สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของดิน
|
คำศัพท์
|
ความหมาย
|
หิน
|
เป็นของแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ซึ่งเป็นสารผสมที่เกิดจากการเกาะตัวกันแน่นของแร่ตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป
หรือ เป็นสารผสมของแร่กับแก้วภูเขาไฟหรือ แร่กับซากดึกดำบรรพ์หรือของแข็งอื่น
ๆ หินมีหลายลักษณะ รูปร่างที่แตกต่างกันออกไป มีสีสันที่ต่างกันออกไป
ตามถิ่นที่อยู่
|
ลม
|
เป็นการไหลเวียนของแก๊สในขนาดใหญ่
บนโลกลมประกอบด้วยการเคลื่อนที่ของอากาศขนาดใหญ่
ส่วนในอวกาศลมสุริยะเป็นการเคลื่อนที่ของแก๊สหรืออนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์ผ่านอวกาศ ขณะที่ลมดาวเคราะห์เป็นการปล่อยแก๊ส (outgassing) ของธาตุเคมีเบาจากชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สู่อวกาศ
โดยทั่วไปการจำแนกประเภทของลมใช้ขนาดเชิงพื้นที่, ความเร็ว, ประเภทของแรงที่เป็นสาเหตุ,
ภูมิภาคที่เกิด
และผลกระทบลมที่แรงที่สุดเท่าที่สังเกตพบบนดาวเคราะห์ในระบบสุริยะเกิดขึ้นบนดาวเนปจูนและดาวเสาร์ |
ถ้ำ
|
|
ก๊าซ
|
เป็นหนึ่งในสถานะพื้นฐานทั้งสี่ของสสาร (ที่เหลือ
คือของแข็งของเหลวและพลาสมา) แก๊สบริสุทธิ์ประกอบไปด้วยอะตอมเดี่ยว
เช่นแก๊สมีตระกูลส่วนแก๊สที่เป็นธาตุเคมีจะอยู่ในรูปหลายอะตอม
แต่เป็นชนิดเดียวกัน เช่นออกซิเจนหรือเป็นโมเลกุลสารประกอบที่อยู่ในรูปหลายอะตอมและต่างชนิดกัน
เช่นคาร์บอนไดออกไซด์แก๊สผสมเป็นแก๊สที่เกิดจากแก๊สบริสุทธิ์หลายชนิดรวมกัน
เช่นอากาศสิ่งที่แตกต่างระหว่างแก๊สที่ในอุณหภูมิห้องเป็นของเหลวกับแก๊สที่ในอุณหภูมิห้องเป็นของแข็ง
คือโมเลกุลของแก๊ส
และการแยกนี้ทำให้มีแก๊สไม่มีสีซึ่งทำให้เรามองไม่เห็นการทำงานร่วมกันของอนุภาคของแก๊สมีขึ้นในสนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงแก๊สประเภทหนึ่งที่รู้จักกันดีคือไอน้ำแก๊สมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยมากจะอยู่ห่างกันและแพร่กระจายอยู่ทั่วทั้งภาชนะที่บรรจุ
ทำให้มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงตามขนาดและรูปร่างของภาชนะ[2]
|
แร่ธาตุ
|
สารประกอบทางเคมีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ด้วยกระบวนการทางอนินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นของแข็ง
มีโครงสร้างภายในที่เป็นระเบียบมีสูตรเคมีและสมบัติอื่น ๆ
ที่แน่นอนคงที่หรืออาจเปลี่ยนแปลงได้ในวงจำกัด
|
คำศัพท์
|
ความหมาย
|
ฝน
|
น. นํ้าที่ตกลงมาจากเมฆเป็นเม็ด ๆ
ลักษณนามใช้นับอายุ หมายความว่า รอบปี ขวบปี เช่นควาย ๓ฝนคือ
ควายที่มีอายุ ๓ ปี เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมา ๑๘ ฝน.ก. ถู เช่น ฝนยา,ลับ เช่น
ฝนมีด. |
น้ำ
|
น้ำเป็นสารประกอบเคมีชนิดหนึ่ง มีสูตรเคมีคือ H2O
โมเลกุลของน้ำประกอบด้วยออกซิเจน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอมเชื่อมติดกันด้วยพันธะโควาเลนต์น้ำเป็นของเหลวที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐานแต่พบบนโลกที่สถานะของแข็ง (น้ำแข็ง) และสถานะแก๊ส (ไอน้ำ) น้ำยังมีในสถานะของผลึกของเหลวที่บริเวณพื้นผิวที่ขอบน้ำ[1][2] |
สัตว์ป่า
|
สัตว์ทุกชนิดไม่ว่าสัตว์บกสัตว์น้ำสัตว์ปีกแมลงหรือแมง
ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่าหรือในน้ำและหมายความรวมถึงไข่ของสัตว์ป่าเหล่านั้นทุกชนิดด้วยแต่ไม่หมายความรวมถึงสัตว์พาหนะที่ได้จดทะเบียนตามรูปพรรณตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะแล้วและสัตว์พาหนะที่ได้มาจากการสืบพันธุ์ของสัตว์พาหนะดังกล่าว
|
ทรัพยากรธรรมชาติ
|
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตามธรรมชาติหรือสิ่งที่ขึ้นเอง
อำนวยประโยชน์แก่มนุษย์และธรรมชาติด้วยกันเอง
|
ใบความรู้ที่ ๒
เรื่อง ดินและป่าไม้
ดิน
เป็นวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพและทางเคมีของหินและแร่
รวมกับสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลกซึ่งดินจะมีลักษณะและคุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ
ตามสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศ วัตถุต้นกำเนิด
สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของดิน
ดินแบ่งเป็น ๓ ชนิดคือ ดินร่วน
ดินทราย และดินเหนียว
ดินแต่ละชนิดเหมาะแก่การปลูกพืชแตกต่างกัน
ดินที่ไม่เหมาะแก่การปลูกพืชได้แก่ ดินเค็ม และดินเปรี้ยว
การปลูกหญ้าแฝกจะช่วยการกักเซาะหน้าดิน
ป่าไม้ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญ
ที่ช่วยหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตให้มีความชุ่มชื้น หากป่าไม้ถูกบุกรุกทำลาย
ถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ความหมายคำศัพท์
คำศัพท์
|
ความหมาย
|
ป่าไม้
|
บริเวณที่มีความชุ่มชื้น
และปกด้วยใบไม้สีเขียวขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นและกว้างใหญ่พอที่จะมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้น
เช่น ความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ
ความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำมีสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตอื่นซึ่งมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน |
ต้นน้ำ
|
น. แหล่งที่เกิดของลํานํ้ายอดนํ้า
ก็เรียก. |
ชุ่มชื้น
|
มีไอนํ้าหรือนํ้าซึมซาบชุ่มอยู่ จัดอยู่ในหมวดหมู่ของคำวิเศษณ์ที่ใช้ขยายคำนาม |
บุกรุก
|
[v.]
trespass
[syn.] ละเมิด,รุกล้ำ,ล่วงล้ำ
หมายเหตุล่วงล้ำเข้าไปในเขตที่หวงห้าม, ล่วงล้ำเข้าไปในบริเวณที่หวงห้ามเพื่อยึดครอง, ล่วงล้ำเข้าไปในสถานที่ของผู้อื่นโดยบังอาจหรือพลการ
|
หญ้าแฝก
|
เป็นพืชที่มีระบบรากลึกและแผ่กระจายลงไปในดินตรงๆ
เป็นพืชที่มีอายุได้หลายปีขึ้นเป็นกอแน่น มีใบเป็นรูปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว 35-80 ซม.มีส่วนกว้าง 5-9 มม. สามารถขยายพันธุ์ที่ได้ผลรวดเร็ว โดยการแตกหน่อจากลำต้นใต้ดินในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้เมื่อหญ้าแฝกโน้มลงดินทำให้มีการเจริญเติบโตเป็นกอหญ้าแฝกใหม่ได้ |
คำศัพท์
|
ความหมาย
|
ปลูก
|
ก. เอาต้นไม้หรือเมล็ด หน่อ หัว
เป็นต้น ใส่ลงในดินหรือสิ่งอื่นเพื่อให้งอกหรือให้เจริญเติบโต ทําให้เจริญเติบโต
ทําให้งอกงาม |
ดินร่วน
|
เป็นดินที่เนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือในสภาพดินแห้งจะจับกันเป็นก้อนแข็งพอประมาณ
ในสภาพดินชื้นจะยืดหยุ่นได้บ้างเมื่อสัมผัสหรือคลึงดินจะรู้สึกนุ่มมือแต่อาจจะรู้สึกสากมืออยู่บ้างเล็กน้อย
เมื่อกำดินให้แน่นในฝ่ามือแล้วคลายมือออกดินจะจับกันเป็นก้อนไม่แตกออกจากกัน
เป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลางจัดเป็นเนื้อดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก |
ดินเค็ม
|
ดินที่มีปริมาณเกลือชนิดต่างๆ ที่ละลายน้ำได้ปะปนในเนื้อดินสูง จนเป็นอันตรายต่อพืช ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถดูดน้ำเข้าสู่ระบบรากได้สะดวก หรือเกิดสภาพที่เป็นพิษกับพืช ดังนั้นบริเวณที่เป็นดินเค็มจะมีลักษณะเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีพืชขึ้น หรือมีวัชพืชขึ้นอยู่เพียงเบาบางและในกรณีที่ดินเค็มจัด จะเห็นคราบเกลือสีขาวบนผิวดินเป็นบริเวณกว้าง ส่วนในฤดูฝน แม้จะไม่เห็นคราบเกลือ แต่ก็จะสังเกตเห็นว่า พื้นที่ไม่มีพืชปกคลุมเหมือนเช่นที่พบในบริเวณใกล้เคียง |
ดินเปรี้ยว
|
ดินชั้นบนเป็นดินเหนียวสีเทาหรือสีเทาเข้มถึงดำลึกประมาณ
20-40เซนติเมตรอาจจะ มีจุดประสีนํ้าตาลหรือสีนํ้าตาลแดงโดยดินชั้นล่างเป็นดินเหนียวสีนํ้าตาลหรือสีนํ้าตาลปนเทาถึงสีเทามีจุดประสีเหลืองปนนํ้าตาลสีแดงหรือสีเหลืองฟางข้าว ส่วนใหญ่เป็นลักษณะของดินเหนียวที่มีกรดกำมะถันอยู่มากในชั้นดินโดยชั้นดินที่ลึกลงไปประมาณฟุตจะสังเกตเห็นมีจุดสีเหลืองสีน้ำตาล พืชที่ปลูกบนพื้นที่ดินเปรี้ยวจะมีการเจริญเติบโตช้าสภาพต้นจะเตี้ยแคระแกร็น ใบไหม้ ไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ย ผลผลิตถดถอยอ่อนแอต่อโรคและแมลงสภาพดินโดยรวมจะแน่นแข็งเนื่องจากโครงสร้างทางด้านระบบนิเวศน์ไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ขาดสิ่งมีชีวิตเข้ามาทำกิจกรรมหนุนเนื่อง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตแบบแร้นแค้น |
ดินเหนียว
|
เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด
ในสภาพดินแห้งจะแตกออกเป็นก้อนแข็งมากเมื่อเปียกน้ำแล้วจะ มีความยืดหยุ่นสามารถปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมือเป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี แต่สามารถอุ้มน้ำ ดูดยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้ดีเหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน |
ดินทราย
|
เป็นดินที่มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่าร้อยละ
85 เนื้อดินมีการเกาะตัวกันหลวมๆ
มองเห็นเป็นเม็ดเดี่ยวๆ
ได้ถ้าสัมผัสดินที่อยู่ในสภาพแห้งจะรู้สึกสากมือเมื่อลองกำดินที่แห้งนี้ไว้ในอุ้งมือแล้วคลายมือออกดินก็จะแตกออกจากกันได้แต่ถ้ากำดินที่อยู่ในสภาพชื้นจะสามารถทำให้เป็นก้อนหลวมๆ
ได้แต่พอสัมผัสจะแตกออกจากกันทันที |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น